"เคล็ดลับการออมเงินในแต่ละเจนเนอเรชั่น"
ในแต่ละช่วงวัยย่อมมีการใช้ชีวิตที่ต่างกัน ซึ่งส่งผลให้แผนการใช้ชีวิตและการออมเงินต่างกันไปด้วย พบกับบทความจาก www.kapook.com ที่จะมาบอกเล่าแนวทางง่ายๆ สำหรับการวางแผนการออมเงินอย่างไรให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและช่วงวัยของคุณ
ช่วงวัย หรือ อายุที่ต่างกันของคนแต่ละช่วง เป็นปัจจัยสำคัญต่อการวางแผนการเงิน เพราะคนแต่ละวัย ย่อมมีการใช้ชีวิตที่ไม่เหมือนกัน วันนี้ เราจึงมีเคล็ดลับการออมเงินเพื่อให้เหมาะกับคนทั้ง 4 เจนเนอเรชั่น มาเป็นแนวทางให้ลองทำตามกันดังนี้
1. Baby Boomer
เกิดช่วงปี พ.ศ. 2489-2507 : อายุ 50 ปีขึ้นไป
Baby Boomer เป็นเจนเนอเรชั่นยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง และโลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคพัฒนาอุตสาหกรรม จึงเติบโตมาพร้อมกับการแข่งขัน ทำงานหนัก มีความอดทนสูง และมีความประหยัด รอบคอบเป็นที่สุด
ปัจจุบัน คนกลุ่มนี้เริ่มเข้าสู่วัยชรากันแล้ว ดังนั้นแผนการออมเงินเพื่อเกษียณอายุจึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก จึงควรนำเงินออมส่วนใหญ่เก็บไว้ในรูปแบบที่มีความเสี่ยงต่ำ เน้นความมั่นคง เงินต้นไม่หาย เช่น ฝากประจำ ซื้อประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) หรือ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เพื่อมีเงินใช้ในวัยเกษียณ
2. Gen X
เกิดช่วงปี พ.ศ. 2508-2522 : อายุ 40 ปีขึ้นไป
Gen X คือกลุ่มคนวัยทำงานที่อยู่ในช่วงสร้างครอบครัว เติบโตมาในยุคที่เศรษฐกิจกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จึงมีนิสัยกล้าแสดงออก มีความเป็นตัวของตัวเองสูง และมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ก็เป็นกลุ่มที่ใช้เงินเก่ง การวางแผนการเงินของคน Gen X จึงควรระวังเรื่องการก่อหนี้จนเกินตัว และโฟกัสเรื่องการออมเพื่ออนาคตให้มากขึ้น เพราะแม้จะเป็นช่วงที่หาเงินได้มาก แต่ก็เต็มไปด้วยภาระต่างๆ ที่มากขึ้นตามวัยเช่นกัน
เคล็ดลับการออมเงินสำหรับคนกลุ่มนี้ จึงควรจัดสรรเงินออมให้สมดุลกับการใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยการแบ่งเงินออมราว 50-70% เก็บไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อเป็นเงินเกษียณอายุ ส่วนที่เหลือค่อยแบ่งมาลงทุนสร้างผลตอบแทนที่งอกเงย อย่างเช่น หุ้น หรือ กองทุนรวมหุ้น
3. Gen Y
เกิดช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 : อายุ 22-40 ปี
หนุ่มสาว Gen Y เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยี และสื่อโซเชียลมีเดียกำลังเฟื่องฟูอย่างมาก จึงมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ยึดติดกับค่านิยมเดิมๆ มีนิสัยชอบใช้เงินไปกับการท่องเที่ยว ทานอาหาร ดื่มกาแฟราคาแพง ที่สำคัญคือมักไม่ค่อยอดทน รักง่ายหน่ายเร็ว ฉะนั้น คน Gen Y ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในวัยเริ่มต้นทำงาน จึงควรฝึกวินัยการออมเงินให้เป็นนิสัย
และด้วยนิสัยของคน Gen Y ที่กล้าได้กล้าเสีย ชอบเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จึงเหมาะที่จะลองผิดลองถูกในเรื่องการลงทุน โดยศึกษาหาความรู้เรื่องการออม การลงทุนให้มากเข้าไว้ และสามารถนำเงินออมส่วนใหญ่ 70-80% ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น กองทุนรวมหุ้น เพื่อผลตอบแทนที่งอกเงย แต่ก็ควรกันเงินราว 20-30% ของเงินออม เก็บไว้ในรูปแบบที่มีความปลอดภัย เช่น เงินฝาก ตราสารหนี้ หุ้นกู้ เพื่อความมั่นคงในอนาคตด้วย
4. Gen Z
เกิดช่วงปี พ.ศ. 2540 ขึ้นไป : อายุต่ำกว่า 22 ปี
Gen Z ก็คือเด็กรุ่นใหม่ที่ยังเรียนหนังสืออยู่ พวกเขาเติบโตมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในยุคดิจิทัล จึงเปิดรับและเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้รวดเร็ว มีความเชี่ยวชาญในการหาข้อมูลต่างๆ ในโลกออนไลน์ ทำให้มีนิสัยชื่นชอบความสะดวกสบาย และความรวดเร็ว
ดังนั้น หากปลูกฝังนิสัยรักการออมได้ตั้งแต่ช่วงนี้ เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จะสามารถวางแผนการเงินได้ดี ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องวินัยในการออม ต้องออมอย่างสม่ำเสมอ เก็บออมไปเรื่อย ๆ และควรเลือกออมหรือลงทุนประเภทความเสี่ยงต่ำแบบง่ายๆ เช่น หยอดกระปุก ฝากเงินในธนาคาร ซื้อสลากออมทรัพย์ เป็นต้น
การออมเงินในแต่ละเจนเนอเรชั่น แม้จะมีรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่ท้ายที่สุดแล้วสิ่งสำคัญก็เพื่อมีชีวิตวัยเกษียณที่เป็นสุข ฉะนั้น ยิ่งเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่ต้องการง่ายขึ้น โดยเฉพาะนักเรียน-นักศึกษาที่ยังไม่ได้ทำงาน หรือผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ มีรายได้ไม่แน่นอน และไม่มีสวัสดิการเพื่อการเกษียณ แนะนำให้เริ่มออมเงินกับกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ที่สามารถออมได้ตั้งแต่อายุ 15-60 ปี ออมขั้นต่ำเพียง 50 บาท สูงสุด 13,200 บาทต่อปี เพื่อรับเงินสมทบจากรัฐบาลสูงสุด 100% ตามช่วงอายุ แถมยังได้รับดอกผลจากการนำเงินไปลงทุน และเมื่ออายุครบ 60 ปี จะได้รับบำนาญไว้ใช้ทุกเดือน ถือเป็นการออมเงินเพื่ออนาคตที่เริ่มต้นออมได้ทุกวัย ทุกเจนเนอเรชั่น เลยทีเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก