หมวดหมู่: ความรู้

วันที่บทความ: 14/10/2563

4 วิธีออมเงิน ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ ในหลวง รัชกาลที่ 9

ต้นแบบของการ ออมเงิน การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ต้องมองหาที่ไหนไกลเลยค่ะ เพราะพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับว่าเป็นต้นแบบที่ดีที่สุดสำหรับเราชาวไทย ซึ่งวันนี้เราก็ได้นำหลักการ วิธีออมเงิน ที่ประยุกต์มาจากการออมเงินของพระองค์ มาให้เพื่อนๆ ได้นำไปลองทำกันค่ะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำแล้วชีวิตเราจะไม่เป็นหนี้และมีเงินออมอย่างแน่นอน!

 

“…คนเราถ้าพอใจในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข…”

“…ความพอเพียงนี้ ก็แปลว่า ความพอประมาณและความมีเหตุผล…”
พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงพระราชทานเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย วันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑

 

 1. วิธีออมเงิน : ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย

     พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้เคยมีพระราชดำริให้มีการจัดทำบัญชีครัวเรือน หรือก็คือบัญชีรายรับรายจ่ายขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รู้จักการวางแผนชีวิต และใช้ชีวิตตามหลักพอเพียง การทำบัญชีแบบนี้ จะทำให้เรารู้รายรับ รายจ่ายในแต่ละเดือน ว่าเงินขาดเหลือเท่าไหร่ เราซื้ออะไร ใช้อะไรไปบ้างในเดือนนั้น ซึ่งจะทำให้เราสามารถนำมาใช้วางแผนการเงินในครอบครัว ทั้งยังนำมาใช้ในการประกอบอาชีพ ซึ่งทำให้เราเห็นภาพรวมของการลงทุนในแต่ละกิจการ ส่งผลให้เราลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยต่างๆ ลงได้ และนั่นล่ะค่ะ จะทำให้เรารู้จักการออม และใช้จ่ายอย่างรู้คุณค่า

 

2. วิธีออมเงิน : ใช้เท่าที่มี อย่าสร้างหนี้

     หากการไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ การไม่มีหนี้ก็เป็นโชคอันประเสริฐเช่นกันค่ะ เพราะแน่นอนว่าการเป็นหนี้ นอกจากจะไม่ช่วยให้มีเงินออมมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการลดทอนเงินส่วนที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวันลงไปด้วย ฉะนั้นจำไว้ค่ะว่า ก่อนจะซื้ออะไร คิดให้ดีก่อนว่าเราพร้อมหรือยัง ซื้อเมื่อพร้อม จะช่วยให้เราหลีกหนีจากการเป็นหนี้ได้ดีที่สุดค่ะ โดยหลักการ อย่าสร้างหนี้นั้น สมเด็จย่าได้ทรงอบรมพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมาตั้งแต่สมัยวัยเยาว์ ดังจะเห็นได้จากพระบรมราโชวาท ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา วันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย.2538 ความว่า

          “…สมเด็จพระบรมราชชนนีท่านได้อบรม ท่านได้สั่งสอนด้วยวิธีการต่างๆ ที่ยังจำได้ เมื่ออายุประมาณ 7 ขวบ ไปอยู่เมืองนอกแล้ว ไปในเมือง ไปที่ร้านของเล่น แล้วอยากซื้อของเล่น อยากได้ จริงแล้วก็ไม่มีเงิน ไม่ได้เอาเงินไป เลยขอยืมผู้ใหญ่เป็นญาติซื้อของเล่น กลับมาท่านเห็นว่าซื้อของมา ท่านถามว่าเอาเงินอะไรไปใช้ บอกว่ายืมเขามา ท่านดุใหญ่ ท่านบอกว่าถ้าไม่มีเงินอย่าไปซื้อของ เป็นหนี้ใครไม่สมควร ท่านก็ถือว่าเป็นระเบียบสำคัญ ไปเป็นหนี้เป็นสินนั้นไม่ดี แม้จะเล็กน้อยมันก็พอกเข้าไป นี่ก็รับการสั่งสอนจากแม่ว่าไม่ให้เป็นหนี้…”

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา วันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย.2538

         ฉะนั้นการบริหารเงินให้เป็น ใช้เท่าที่มี อย่าเกินตัว จะทำให้เรามีเงินเก็บออมในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะ แม้สำหรับบางคนจะไม่มากเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็ไม่ต้องเป็นหนี้ใครแน่ๆ

 

3. วิธีออมเงิน : มีเป้าหมายในการออม

    หากเรามีเป้าหมายในการเก็บออมที่แน่ชัด จะช่วยให้เรามีแรงบันดาลใจและแรงใจในการเก็บเงินมากขึ้น เริ่มแรกตั้งเป้าไว้เลยค่ะ ว่าเงินที่เราจะเก็บออมนี้ เราเก็บไปเพื่ออะไร เพื่อซื้อของที่อยากได้มานาน เพื่อบ้านในอนาคต หรือเพื่ออนาคตของลูกและของเราในช่วงบั้นปลายชีวิต หากเรามีเป้าหมายที่แน่นอนแล้ว ต่อมาก็คือการเริ่มวางแผนการเก็บเงินค่ะ โดยการวางแผนนี้อาจจะแล้วแต่ความถนัดของแต่ละคนค่ะ หากใครสะดวกเก็บเป็นเดือนก็ตั้งเป้าว่าเดือนนี้จะเก็บเท่าไหร่แล้วใส่อีกบัญชีแยกไว้ หรือถ้าใครสะดวกเก็บเป็นเหรียญ หรือเป็นแบงก์ เช่น แบงก์ 50 ก็ให้เก็บทุกครั้งที่ได้มา

     ซึ่งการเก็บออมนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ทรงเป็นตัวอย่างที่ดีเสมอมาค่ะ พระองค์ทรงเก็บเงินจากค่าขนมเพื่อซื้อของใช้ส่วนพระองค์หลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดนตรี จักรยาน ของเล่น หรือแม้กระทั่งกล้องถ่ายรูป ซึ่งพระองค์ทรงซื้อกล้องถ่ายรูปตัวแรกด้วยเงินสะสมส่วนพระองค์เอง ในขณะที่พระชนม์เพียง 8 พรรษาเท่านั้น

4. วิธีออมเงิน : วางแผนการใช้เงินอย่างชาญฉลาด

     นอกจากการวางแผนใช้เงินสำหรับชีวิตประจำวันแล้ว การวางแผนให้เงินงอกเงยขึ้นก็เป็นสิ่งที่ควรทำค่ะ ซึ่งนอกจากการฝากเงินกับธนาคารเพื่อสะสมดอกเบี้ย ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงทำเป็นประจำ เพื่อให้เงินเกิดการงอกเงย ดัง พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๔ ธันวาคม ๒๕๑๘ ความว่า
         “…ถ้าเราสะสมเงินให้มาก เราก็สามารถที่จะใช้ดอกเบี้ย ใช้เงินที่เป็นดอกเบี้ยโดยไม่แตะต้องทุนแต่ถ้าเราใช้มากเกินไปหรือเราไม่ระวัง เรากินเข้าไปเป็นทุน ทุนมันก็น้อยลงๆจนหมด…” แล้วนั้น
         สมัยนี้ยังมีการลงทุนอีกมากมายค่ะ ที่เราสามารถนำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน หุ้น หรือการลงทุนต่าง ๆ แต่อย่าลืมค่ะว่า การวางแผนทุกอย่างต้องทำอย่างมีสติและฉลาด เพราะหากพลาดพลั้ง แทนที่เงินจะงอกเงย กลับสูญหายไปโดยเปล่าประโยชน์

ขอบคุณข้อมูลจาก  https://women.trueid.net/